[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
ค้นหา   
เมนูหลัก
link banner
ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน

 

baner106ca8903583c4b6.jpeg


  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
9 วิธีลด “กรดไหลย้อน” ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งยา  VIEW : 278    
โดย 2902

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 1
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 1
Exp : 20%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 118.172.59.xxx

 
เมื่อ : อังคาร ที่ 15 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2565 เวลา 06:07:45   

9 วิธีลด “กรดไหลย้อน” ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งยา
Jurairat N.

แบ่งปันเกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพทั้งโรคภัยไข้เจ็บ วิธีออกกำลังกาย เคล็ดลับลดน้ำหนัก เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง อยู่กินของอร่อยไปได้อีกนาน ๆ

“กรดไหลย้อน” เมื่อมีอาการของโรคแล้ว อาจทำให้เราทรมานมากจนอยากจะหายจากโรคนี้เสียที เพราะทำให้นอนไม่หลับ กินก็ลำบาก รู้สึกแย่ ๆ หลายอย่าง เช่น แสบร้อนกลางอก เรอบ่อย กลืนลำบาก มีเสมหะ หรือไอบ่อย ๆ คลื่นไส้ อาเจียน ฯลฯ การรักษาทำได้โดยพบแพทย์เพื่อรับยามารับประทาน แต่เราสามารถลดอาการของโรคกรดไหลย้อนโดยไม่ต้องพึ่งยาได้ (หากยังไม่มีอาการหนักมาก ทั้งนี้หากจำเป็นต้องกินยาตามแพทย์สั่ง ก็ยังควรต้องกินอยู่ อย่างดยาโดยที่แพทย์ไม่ได้สั่งเป็นอันขาด)

>> สัญญาณอันตราย โรค "กรดไหลย้อน"


วิธีลดอาการโรค “กรดไหลย้อน”
แบ่งมื้ออาหารย่อย ๆ
การรับประทานอาหารปริมาณมาก ๆ ในครั้งเดียว อาจทำให้อาการของโรคกรดไหลย้อนกำเริบขึ้นได้ คุณอาจไม่สามารถรับประทานอาหาร 1 มื้อได้เท่าเดิม เช่น จากที่เคยกินข้าว 3 ทัพพีต่อมื้อ อาจทำไม่ได้อีกต่อไป จะเริ่มรู้สึกอึดอัดท้อง แน่นคอ อาหารไม่ย่อย ดังนั้นควรแบ่งอาหารออกมารับประทานในแต่ละครั้งให้น้อยลง อาจแบ่งจาก 3 มื้อ เป็น 5-6 มื้อได้


หลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท
อาหารบางประเภทอาจทำให้อาการของโรคกรดไหลย้อนกำเริบได้ ได้แก่

สาระแหน่ (มิ้นท์)

อาหารไขมันสูง

อาหารรสจัด

มะเขือเทศ

หอม
กระเทียม

กาแฟ

ชา

ช็อกโกแลต

แอลกอฮอล์

อย่าดื่มน้ำอัดลม
น้ำอัดลมอาจทำให้คุณเรอ มีแก๊สในกระเพาะอาหารมากขึ้น และยังส่งน้ำย่อยที่เป็นกรดไปที่หลอดอาหารมากขึ้นด้วย ดังนั้นควรดื่มน้ำเปล่าธรรมดา ๆ ไปก่อนจะดีกว่า


นั่ง/ยืนตรง ๆ หลังกินอาหารเสร็จ
การนั่ง หรือยืนหลังตรงหลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ จะช่วยให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารอยู่ในส่วนที่มันควรจะเป็น ไม่ไหลย้อนขึ้นมาที่กลางอกให้เรารู้สึกแสบ และควรรับประทานอาหารให้เสร็จก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมงด้วย (รวมถึงการห้ามเอนตัวลงนอนเพื่องีบหลังอาหารกลางวันด้วย)


อย่าเคลื่อนไหวร่างกายเร็วเกินไป
ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ หลังรับประทานอาหารภายใน 2-3 ชั่วโมง สามารถลุกขึ้นเดินเล่นเบา ๆ หลังมื้ออาหารได้ แต่ไม่ควรออกท่าออกทางออกกำลังกายมากเกินไป โดยเฉพาะการวิ่งหนัก ๆ การก้ม ๆ เงย ๆ เต้นแอโรบิก หรือทำกาบบริหารต่าง ๆ หลังกินข้าวใหม่ ๆ เป็นต้น


นอนหลังพิงหัวเตียง
หากใครที่มีอาการมาก ๆ ไม่สามารถเอนตัวนอนลงบนพื้นราบได้ เพราะกรดอาจจะไหลย้อยมาที่กลางอกในตอนกลางคืน ก็ควรนอนหลับในท่าหลังพิงหัวเตียง ให้หัวสูงกว่าเท้า 6-8 นิ้ว อย่าลืมเอาหมอนหนุนสะโพก หลังไปจนถึงคอให้นอนได้สบายด้วย ควรเลือกหมอนทรงสามเหลี่ยมที่ช่วยหนุนหลังดีกว่าการเอาหมอนมาวางทับ ๆ กันแล้วนอน เพราะจะไม่ได้มุมที่นอนแล้วสบายกับหลัง


ลดน้ำหนัก
โดยส่วนใหญ่แล้ว กรดไหลย้อย มาเกิดขึ้นกับคนที่มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน หากรู้ตัวว่าตัวเองมีน้ำหนักมากเกินไป การลดน้ำหนักก็จะช่วยให้อาการของกรดไหลย้อนดีขึ้นได้ ทั้งนี้หากไม่แน่ใจว่าตัวเองควรลดน้ำหนักหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์ที่รักษาโรคกรดไหลย้อนประจำตัวดูก่อนได้


งดสูบบุหรี่
หากเป็นสิงห์นักสูบอยู่แล้ว ควรเลิกสูบบุหรี่ถาวร เพราะสารนิโคตินในบุหรี่อาจทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารหย่อนคล้อยลง น้ำย่อยที่เป็นกรดจึงอาจไหลย้อนไปที่อื่นในร่างกาย เช่น หลอดอาหาร คอ ปาก ได้ง่ายมากขึ้น


เช็กยาที่ใช้อยู่
ยาสำหรับวัยทอง ยาต้านเศร้ากลุ่มไตรไซคลิก และยาแก้ปวด แก้อับเสบบางชนิด อาจทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารหย่อนคล้อยลงได้เช่นกัน ดังนั้นอาจลองปรึกษาแพทย์ที่รักษาโรคอื่น ๆ อยู่ดูว่าสามารถปรับเปลี่ยนยาได้หรือไม่


หากลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม และวิธีรักษาที่เหมาะสมต่อไป

ขอขอบคุณ

ข้อมูล :Harvard Health Publishing

moviesdoofree ดูหนังฟรี ได้ไม่จำกัด